คำว่า Active citizen มีการแปลเป็นภาษาไทยไว้หลายคำ เช่น พลเมืองตื่นตัว พลเมืองตื่นรู้ พลเมือง แข็งขัน หรือพลเมืองใส่ใจสังคม ในที่นี่จะใช่คำว่า "พลเมืองตื่นตัว" หมายถึง ความสมัครใจของพลเมืองและ ชุมชนที่ทำงานร่วมกันทั้งโดยตรงหรือผ่านการเลือกตั้งตัวแทนเพื่อใช้อำนาจทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ในการแสวงหาเป้าหมายร่วมกัน การเป็นพลเมืองที่ตื่นตัวนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับการตัดสินใจ การเมือง ประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลชุมชนที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือและอาสาสมัคร เช่น การช่วยเหลือสวัสดิการสาธารณะ โดยการดูแลผู้สูงอายุเด็กหรือคนพิการ การร่วมมือและการใช้ชีวิตกับผู้อื่น การพูดคุยและรับฟังผู้อื่น การใช้ข้อมูลเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจและการกระทำ และการลงมือกระทำเพื่อบรรลุเป้าหมายที่เห็นพ้องร่วมกัน พลเมืองตื่นตัวจะตระหนักถึงเรื่องของสิทธิและความรับผิดชอบ ความสมดุลระหว่างสองสิ่งนี้เป็นสิ่งพึงปรารถนาเพราะช่วยให้เกิดความยั่งยืนของสังคม พลเมืองตื่นตัวนี้จะเกี่ยวข้องกับค่านิยมเหล่านี้ ประชาธิปไตย หลักนิติธรรม เสรีภาพส่วนบุคคล การเคารพซึ่งกันและกัน รวมถึงการยอมรับความศรัทธาและความเชื่อที่แตกต่างกัน การเป็นสมาชิกของชุมชนและการสนับสนุนชุมชนและประเทศ การลงคะแนนเลือกตั้ง การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการดูแลตัวเอง ดูแลชุมชนของตนและโลกของเราล้วนเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นพลเมือง (วรากรณ์ สามโกเศศ, 2015; Ahern, 2006; Hanson, 2019)
         ความเป็นพลเมืองตื่นตัวจะสัมพันธ์กับความรู้สึกว่าตนเป็นเจ้าของสังคมร่วมกับผู้อื่น ตระหนักว่าสังคมนี้เป็นของเราไม่ว่าสิ่งใดเกิดขึ้นในสังคมนี้จะกระทบกับเราอาจจะโดยตรงหรือโดยอ้อม ดังนั้นจึงต้องเข้ามามีส่วนร่วมทั้งทางตรงและทางอ้อมเพื่อสร้างสังคมที่น่าอยู่ของตนเอง เมื่อพลเมืองตื่นตัวเกิดมากขึ้นจะเกิดความรู้สึกร่วมกันว่าเราเป็นพวกเดียวกันเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ในการสร้างสรรค์สังคมของตน ในทางตรงกันข้ามหากสังคมนั้นไม่ได้สร้างให้พลเมืองมีความรู้สึกว่าเป็นเจ้าของสังคม ไม่มีการจัดการอำนาจและความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างกันเพื่อให้เขามีส่วนร่วม พลเมืองก็จะเป็นแค่คนที่อยู่ภายใต้การปกครอง ผู้ปกครองอยู่ข้างบนตัดสินใจแทนทุกอย่าง ความเป็นพลเมืองที่จะตื่นตัวกระตือรือร้นในการทำหน้าที่ตัวเองก็จะไม่เกิดเพราะมีแต่การปกครองที่ต้องการควบคุมการกระทำและความคิดของพลเมือง (Karoonporn Chetpayark., 2017).